บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ควายตาลโตนโดนเชือด


ในบทความ “ควายตาลโตน” ที่ผ่านมา จะเห็นว่า ควายตาลโตนเริ่มจะหนีแล้ว เริ่มจะออกตัวแล้ว เพราะ รู้ว่าเจ้าของกระทู้คงเอาจริง

เมื่อควายตาลโตนตอบมาดังท้ายๆ ของบทความ “ควายตาลโตน” เจ้าของกระทู้ก็ตอบไปอีก ดังนี้

เรียน คุณตาลโตน

1.  ที่ผมถามอย่างนั้น เพราะข้อเขียนของคุณผิดมหาศาล  ผมจึงต้องถามก่อน

แสดงว่า คุณไม่เคยไปเรียนอังกฤษ และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยในอังกฤษเลย

มหาวิทยาลัยที่ ดร. มนัส ไปเรียนที่อังกฤษชื่อ University of Leeds  ไม่ใช่ University of Leeds  Integrated science

2.  University of Leeds มีคณะ  Faculty of Education, social Sciences and Law

อาจารย์ที่ปรึกษาของ ดร. มนัส โกมลฑา ตอนเรียนที่โน่นคือ Professor Duncan McCargo  อ่านรายละเอียดได้ที่นี่  http://www.polis.leeds.ac.uk/about/staff/mccargo/

3.  ดร. มนัส โกมลฑา เรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยทุนโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก จึงต้องเรียน  2  ประเทศ

ที่กล่าวมานี้ เพื่อยืนยันว่า ข้อมูลของคุณไม่ถูกต้องเลย

สำหรับคำถาม  ผมยังตอบการถามต่อว่า "การสอนเด็กในวีดีโอนั้น มีข้อเสียอย่างไร"  ผมขอหลักฐานอย่างเป็นวิชาการ ไม่ใช่คุณคิดขึ้นมาเอง แล้วก็เขียนมา

ขอความกรุณาค้นคว้าให้มากกว่านี้ อย่ามั่วข้อมูลมาอีก เพราะ มันจะอายคนอ่านเขา

โดยปกติแล้ว เมื่อลงความคิดเห็นมาผิดอย่างมากมายมหาศาลอย่างนี้  ก็ควรจะหนีกระทู้ไปได้แล้ว แต่ควายตาลโตนหน้าด้านกว่าที่คิดไว้ 

ยังจะหน้าด้านเข้ามาให้ความคิดเห็นอีกดังนี้

ง่ายๆ เรื่องจะพิสูจน์ว่าดร.ได้รับปริญญาจบeducation social sciences and law จาก University of Leeds นะ ใครก็อ้างได้ ขอหลักฐานทางภาพถ่าย รับปริญญามายืนยันหน่อย

และการจะไปอ้างอิง Professor Duncan McCargo เป็น อ.ที่ปรึกษานะไหนรายชื่อ ดร.มนัส

ลองไปดูหน้าเฟสซิ มีอะไรน่าเชื่อถือบ้าง  ทำไมรึ คลิปต่างๆจึงโดนปิดหมด ผมว่าลวงโลกมากกว่านะ  https://www.facebook.com/manaskomoltha

ควายตาลโตนนี่ ทั้งหน้าด้านและโง่กว่าที่คิดไว้ คือ ควายตาลโตนพยามไป search เจอเฟสบุ้กของผม ซึ่งผมก็ไม่ได้เข้าไปนัก เพราะ ไม่ค่อยมีเวลา 

สำหรับเฟสบุ้กที่ควายตาลโตนว่า “โดนปิด” นั้น มันเป็นความโง่ของควายตาลโตน คือ เฟสบุ้กที่ไม่ค่อยได้เข้าไปเล่น หน้าจอมันจะปิดตัวเอง

ต้องไปคลิกที่แถบต่างๆ ก่อน หน้าจอถึงจะเปิดออกมา

ท่านเจ้าของกระทู้ตอบควายตาลโตนไปอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

เรียนคุณตาลโตน  ขอร้องว่าอย่าพยายามเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น  ผมถามคุณไปหลายครั้งแล้วว่า "การสอนเด็กในวีดีโอนั้น มีข้อเสียอย่างไร"

ส่วนเฟสบุ้ก  คุณเล่นเป็นหรือเปล่า  คุณต้องคลิกแถบต่างๆ ข้อมูลมันถึงจะออกมา

เพิ่งเล่นคอมฯ เป็นหรือเปล่า  คุณไปศึกษามาให้มากกว่านี้ แล้วค่อยมาให้ความคิดเห็นจะดีกว่า

ควายตาลโตนซึ่งตอนนี้ หน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บแล้ว ควรจะหนีได้แล้ว ก็ยังหน้าด้านเข้ามาอีกว่า

555..ลองดูประวัติซิ ว่าล็อคอินตาลโตน กำเนิดพร้อมเวปพันทิปปีอะไร อันนี้ของจริงไม่ใช่ล็อคอินมือถือ

ส่วนเรื่องวีดีโอสอนเรื่องไร้สาระนั้นรึ ตอบได้ว่า เลอะเทอะและอันตรายมากสำหรับเด็กๆ มาก

ไม่รู้ไปเอาวิธีสอนนี้มาจากไหน มาให้เด็กสร้างจินตนาการบ้องๆ แล้วให้วาดจินตนาการนั้นออกมา

ถามว่า เด็กนั่งยุกยิกเกาหัวเกาหูเพราะรำคาญที่ต้องถูกบังคับให้นั่งฟังคนบ้า พูดพล่ามเหมือนคนเมา

เด็กเขาได้อะไร ก็คงจะคิดว่า เฮ่อน่าเบื่อ..ครูติงต๊อง เซ็งในเซ็ง เบื่อในเบื่อ ไร้ปัญญาสิ้นดี

เรื่องนี้จะส่งให้กระทรวงศึกษาเข้าไปติดตามตรวจสอบพฤติกรรม ของกลุ่มคนพวกนี้ ว่ากำลังทำอะไรอยู่

คงจะได้ลาก ขบวนการ "ธรรมเกิน" ออกมาแฉกันบ้างแล้ว..555

ดูพฤติกรรมของควายตาลโตน ตอนนี้ไม่รู้จะเอาตรงไหนไปเถียง ก็เอาเรื่องสมัครพันธุ์ทิพย์ด้วยบัตรประชาชนกับโทรศัพท์มาเป็นประเด็น

สำหรับวิดิโอการสอนนั้น ก็โจมตีไปเรื่อย แบบไม่มีเหตุผล

ท่านเจ้าของกระทู้ก็ตอบไปอีกครั้งว่า

เรียนคุณตาลโตน มันไม่เกี่ยวกับการอยู่ในพันธุ์ทิพย์มานานแค่ไหน  มันเกี่ยวกับ "ข้อมูล" ที่คุณให้ ข้อมูลที่คุณให้ผิดทั้งหมด   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร

ซึ่งหมายความว่า "คุณไม่รู้เรื่องที่คุณกำลังเขียนอยู่"

คุณจะหาเรื่อง "หน้าแตก" ไปทำไมอีก  คุณไปค้นคว้ามาให้มากกว่านี้ แล้วค่อยมาให้ความคิดเห็น ถึงจะมีประโยชน์ต่อคนอ่าน

ผมถามคุณอีกครั้ง  "การสอนเด็กในวีดีโอนั้น มีข้อเสียอย่างไร" ตอบอย่างมีหลักวิชาการ   ไม่ใช่คิดไปเองอย่างที่คุณเขียนมา

ถ้าตอบไม่ได้  ก็หนีกระทู้ไปเถอะ  อยู่ไปก็อายคนอ่านเขาเปล่าๆ

จนถึงกระทั่งบัดนี้ ควายตาลโตนก็ยังไม่ไป  ก็ยังเข้ามาให้ความเห็นอีกดังนี้

เรียนท่านมือถือ

ดูคลิปแล้ว ตอบตามหลักวิชาการ ว่าเป็น vdo "ธรรมเกิน" ลูกหลาน "ธรรมโกย" เข้าใจชัดเจน ไหมครับท่าน.

ขอให้สังเกตดู ตอนแรกๆ ควายตาลโตนจะลงความคิดเห็นมาก พอเถียงกันไปเรื่อยๆ ก็สั้นๆ ลง ไม่มีเหตุผล ไปเรื่อย สุดท้ายก็เขียนได้แค่นั้น

ความอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ ไม่มีเหลืออีกต่อไป

ท่านเจ้าของกระทู้ก็ตอบไปอีกครั้งว่า

เรียนคุณตาลโตน  ไปไม่เป็นแล้ว... คุณตาลโตน หน้าแตกแล้วแตกอีก ยังไม่หนี  คุณคงมีปัญหา

ถามหน่อย คุณเป็นกะเทยหรือเป็นผู้หญิงหรือเปล่า  คุณไม่ได้ "ด่า" วิชาธรรมกายเหมือนคนอื่น  แต่คุณตั้งใจโจมตีไปที่การสอนของ ดร. มนัส

หรือคุณอิจฉาที่อาจารย์ของคุณกับพรรคพวกของคุณสอนไม่ได้อย่างที่ ดร. มนัสสอน

ผมศึกษามามากพอสมควร  คิดว่าน่าจะมากกว่าคุณ 

กลุ่มของ ดร. มนัสสอนได้ผลจริงๆ  สอนเด็กอนุบาลได้ เด็กตาบอดก็สอนได้ เด็กหูหนวกก็สอนได้ เด็กปัญญาอ่อนก็สอนได้

จึงอาจสร้างความอิจฉาให้กับกลุ่มที่สอนไม่ได้ คุณจะทำอย่างไรล่ะ มันขึ้นกับบารมีส่วนบุคคล  บารมีน้อยก็สอนได้น้อย  บารมีมากก็สอนได้มาก

ท่านเจ้าของกระทู้จับประเด็นได้ว่า ควายตาลโตนมันอิจฉาที่ผมสอนได้ดีกว่าอาจารย์หรือพวกของควายตาลโตนเท่านั้น  ถึงได้เข้ามาป่วนกระทู้

หลังจากนั้นมา ควายตาลโตนก็ไม่เคยมายุ่งกับกระทู้ของท่านเจ้าของกระทู้อีกเลย ไม่ว่าจะเป็นกระทู้ใดๆ

เรียกว่า “เข็ดขยาด” กันเลยทีเดียว






ควายตาลโตน


คำว่า ควายตาลโตนนี่ ก็เหมือนเดิมในสไตล์ของบล็อกผม คือ ไม่ได้มีควายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น แต่มีคนที่โง่ระดับเดียวกับควายเข้ามาให้ความคิดเห็น

ในกรณีนี้ คนนั้นใช้ชื่อว่า ตาลโตน

ควายตาลโตนเข้ามาให้ความคิดเห็นครั้งแรกในความคิดเห็นที่ 3 ดังนี้

เด็กๆ ควรทานของอ่อนนุ่มที่ย่อยง่าย อะไรที่ย่อยยาก ยัดเหยียดให้เด็กกินมันจะท้องอืดและเข็ดขยาด

เป็นครูบาอาจารย์ต้องประมาณให้ดี อะไรควรอะไรไม่ควร อิทธิปฏิหารเรื่องประโลมโลกท่านก็รู้

แล้วจะไปให้เด็กๆที่บริสุทธิรับไปทำไม รังแต่จะทำให้เดินทางผิด ตกร่องตกรูประตูดินไปเปล่าๆ ไม่สมควร..

ควายตาลโตนนี่ก็เหมือนคนอื่นๆ ในห้องศาสนาพันธุ์ทิพย์  คือ โง่แล้วคิดว่าตัวเองฉลาด โง่แบบนี้ ต้องจัดประเภทเป็น โง่ซ้ำซากแบบดักดาน” 

การเขียนดูยโสโอหังมาก ตักเตือนมาที่ผมเสียด้วย  มาดูกันต่อไปว่า ควายตาลโตนจะไปได้สักกี่น้ำ

เจ้าของกระทู้ไม่ได้ตอบความคิดเห็นของควายตาลโตน ควายตาลโตนจึงมาให้ความคิดเห็นใหม่อีกครั้งหนึ่ง  ในความคิดเห็นที่ 9 ดังนี้

จะขอเตือนเพื่อศาสนิกทุกท่าน ธรรมกายของพระเดชพระคุณหลวงปู่สด เป็นเอกวิชชาที่เหมาะสำหรับผู้ปฎิบัติกรรมฐานมามากพอ แยกจริงแยกหลอกออกจากกันได้

ไม่เหมาะกับเด็กๆ ที่เริ่มฝึกสมาธิ ยังแยกจิตแยกกายแยกอุปทานไม่ออก

ยิ่งไปเร่งให้เขาแยกด้วยจินตนาการ จะกลายเป็นเรื่องหลอนเรื่องลวง จะผิดเพี้ยนฝังราก โตขึ้นจะกลายเป็นพวกอุปทานหลอน เพี้ยนแยกเท็จแยกจริงไม่ออกก็จะวนอยู่ในเรื่องอุปโลกหลอกตนเอง

ส่วน ดร. มนัส โกมลฑา ที่อ้างว่าจบจาก University of Leeds  Integrated science

ความจริงที่นั้นมีแต่ Medical Sciences ไม่รู้แกจบ Sciences ด้านไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับวิชชาธรรมกาย

ผู้คนเดียวนี้ส่วนมากจะเป็นนักต้มตุ๋น ชอบแอบอ้างว่าตนจบนั้นนี่ เพื่อสร้างเคดิตจอมปลอม

แล้วรับจ้างต่อบุญต่อบาป หาเงินทองจากคนที่ด้อยปัญญาพากันหลงเชื่อ แนวเณรคำ ระวังกันหน่อยครับ

ส่วนนายการุณย์ บุญมานุช  อดีตครูที่ถูกไล่ออก เพราะรั่วเพี้ยน คิดไปเอง ว่าได้ไปถวายข้าวพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ไปอยู่โลกทิพย์แล้ว ไม่ต้องฉันท์อาหารจากดิน เหมือนมนุษย์ขี้เหม็นกันหรอกครับคุณ

แต่ที่แอบอ้างนี่เพื่อสร้างเคดิตให้ตน หลอกลวงให้เห็นว่าตนเป็นผู้วิเศษเหนือมนุษย์ ที่แท้ก็เศษมนุษย์ตูดเหม็น

เพราะงั้นใครที่แอบอ้างว่าได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ถวายข้าวปลาอาหารพระพุทธเจ้า ให้ขีดเส้นใต้ไว้ได้เลยว่า เพี้ยน.

แล้วการแอบอ้างว่าวิชชาธรรมกาย นำมาเพื่อเป็นผู้วิเศษ นำมาแช่งด่าสาปคน ยิ่งเพี้ยนหนักและยังเป็นการปรามาสวิชชาของหลวงปู่ให้เสื่อม

วิชชาแห่งพุทธะเป็นสิ่งที่ดี ที่ประเสริฐ มีแต่จะทำให้คนมีเมตตาละวาง อภัยไม่ใส่ใจ ไม่คิดอาฆาตหมาดร้ายใครได้แต่อโหสิกรรม

แต่นี่กลับประกาศสรรพคุณไปในทางเสื่อมทางชั่ว มั่วกันอย่างแท้จริง ทั้ง ดร.ขี้หมากับนายการุณถ้ามีอะไรค้างใจเชิญหลังไมด์ด้วย

หรือจะเล่นกันหน้ากระทู้ก็เชิญจะแฉให้ชัดเจน เลิกทำลายพุทธศาสนาได้แล้ว

ขอให้ท่านผู้อ่านดูสำนวนภาษาของควายตาลโตนตัวนี้ ดูอหังการ์น่าดู  ตอนท้ายก็ท้าเสียด้วยว่า หรือจะเล่นกันหน้ากระทู้ก็เชิญจะแฉให้ชัดเจน เลิกทำลายพุทธศาสนาได้แล้ว

ข้อมูลที่ควายตาลโตนเขียนมานั้น มันผิดพลาดทั้งหมด แม้กระทู้ชื่อมหาวิทยาลัยก็ผิด มหาวิทยาลัยในเมืองลีดส์ก็ผิด

เจ้าของกระทู้จึงลองตอบไปดังนี้

เรียนคุณตาลโตน

ก่อนอื่น ผมขอให้การเสวนาของเราอยู่ในกระทู้นี้

อย่าได้ออกนอกไปถึงครูบาอาจารย์ของท่านเหล่านั้น เน้นการสอนของ ดร. มนัส โกมลฑา  วีดีโอ และสติปัฏฐาน  4

ถ้าไม่อย่างนั้น  ลูกศิษย์คนอื่นๆ จะเข้ามายุ่งทำให้กระทู้ออกนอกวัตถุประสงค์ไป

1. เรื่องคุณวุฒิของ ดร. มนัส โกมลฑา นั้น ผมไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ว่า คุณตาลโตนเป็นนักเรียนเก่าของอังกฤษใช่หรือไม่ ถึงรู้เรื่องละเอียด คุณตาลโตนเรียนที่ไหนของประเทศอังกฤษ

2. การสอนเด็กในวีดีโอนั้น มีข้อเสียอย่างไร เพราะการที่เด็กเห็นกายทิพย์ เห็นกายฝัน นอกจากจะปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธแล้วยังเป็นการฝึกฝนจินตนาการอีกด้วย

ก็ตรงกับข้อความของไอน์สไตน์ที่ว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"

3.  สำหรับ ดร. มนัส โกมลฑานั้น ผมทราบมาว่า ท่านจบปริญญาเอกจริงๆ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานจริง

อย่างอื่นๆ เดี๋ยวเราค่อยเสวนากันต่อ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน

ต่อไปดูคำตอบของควายตาลโตนกัน

ผมจะจบจากไหนอย่างไรไม่จำเป็นต้องอ้างอิง เพราะไม่มีผลประโยชน์อันใดในการสร้างเคดิต

แต่การสอนให้เด็กเห็นกายทิพย์กายฝันกายจินตนาการนั้น มันไร้เหตุผล พากันเพี้ยน เหมือนการสะกดจิตหมู่ ไม่มีประโยชน์อันใด

การสร้างจิตนาการในเชิงวิทยาศาตร์ คือ การจินตนาการบนพื้นฐานของความเป็นจริงที่เป็นไปได้ เกิดความคิดสร้างสรรค์ นำมาทดลองทดสอบ เกิดเป็นปฏิมากรรมล้ำสมัย เป็นการวิวัฒนาการของมวลมนุษย์ชาติ

แต่การมาให้เด็กสร้างจินตนาการเลอะเทอะ ในวัยเยาว์ ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ จะเข้าใจพุทธศาสนาไปในทางผิดๆ

การฝึกสมาธิในวัยเด็ก ทำเพื่อให้เขามีจิตสงบระงับ ไม่ซัดส่ายออกไปนอกกาย หยุดคิดหยุดจินตนาการทั้งมวล

ฝึกเพื่อให้เกิดสติระลึกรู้สิ่งเร้าที่มากระทบอายาตะนะทั้ง  6 ไม่ใช่ฝึกให้คิดฟุ้งซ่านมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์

ทำไปเพื่อให้มีฤิทธิมีเดช กร้าวร้าว สาปแช่งผู้คน เหมือนยักษ์นนทกขอนิ้วเพชรพระอิศวร นั้นมันนิยายประโลมโลก

ขอทีเถอะจะมอมเมาหลอกล่อกับผู้ใหญ่เพื่อหวังได้อามิสสินจ้างก็ทำไป เด็กๆยังไร้เดียงสานัก อย่าให้เขาหลงทางแต่วัยเยาว์

จะเป็นบาปกรรมตกทอดถึงลูกหลานของผู้ที่คิดกระทำเยี่ยงนั้น อยากสอนเขาก็นำการฝึกสมาธฝึกจิตให้สงบระงับ ควบคุมกายใจไม่ใฝ่ต่ำ

รู้จักตนเอง รู้จักผู้อื่น มีเมตตามีอภัย มีใจเครพนพนอบ กตัญญูรู้คุณ รู้ตอบแทน รักชาติรักแผ่นดิน เท่านั้นก็สุดประเสริฐแล้วครับท่าน.

ตอนนี้จะเห็นว่า ควายตาลโตนเริ่มออกตัวแล้ว เพราะ เริ่มรู้แล้วว่า เจ้าของกระทู้คงรู้จริงๆ

สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ควายตาลโตนนับถือหลวงพ่อวัดปากน้ำ คือ เชื่อวิชาธรรมกายเหมือนกัน แต่โจมตีมาที่การสอนของผมคนเดียว






กระทู้กายในกาย ณ ภายนอก

วิดิโอในบทความ “เห็นกายทิพย์ของเพื่อน” นั้น ผมเผยแพร่ไว้ใน YouTube  

มีท่านผู้อ่านของผมคนหนึ่ง ได้ไปนำวิดิโอดังกล่าวไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนา ของพันธุ์ทิพย์  โดยตั้งชื่อว่า “กายในกาย ณ ภายนอก

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็น ดังนี้

ประเด็นกายในกาย ณ ภายนอกนี้ มีการตั้งกระทู้มาหลายครั้งแล้ว ผมเองก็เคยตั้งกระทู้ไปแล้ว แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ 

คราวนี้ ผมมีวีดีโอของ ดร. มนัส โกมลฑา ที่สอนให้นักเรียนเห็นกายในกายของเพื่อน ซึ่งก็คือ กายในกาย ณ ภายนอก

จะเห็นว่า เด็กนักเรียน "เห็น" กายทิพย์ของเพื่อน และสามารถวาดออกมาให้ดูได้

การสอนดังกล่าว สอดคล้องกับข้อความของสติปัฏฐานสูตรที่ว่า :

"ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง"

มีคนเข้าไปให้ความเห็นถึง 65 ความคิดเห็น ส่วนใหญ่ก็เข้าไปป่วน กวนส้นตีนประชาชนไปเรื่อย

จะขอยกตัวอย่างสัก 2-3 ตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพพจน์ของระดับสติปัญญาของคนในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์สักเล็กน้อย ดังนี้

มีคนใช้ชื่อนามแฝงว่า “Donax B” เข้ามาให้ความคิดที่ 2 ดังนี้

ลัทธิจานบิน  พยายามจะยึด  ห้องศาสนาจริงๆ  พยายามใช้หลายๆ ล็อคอิน มาตั้งกระทู้ เผยแพร่  ขยันกันจังครับ

คุณ Donax B นี่ สมองหมา ปัญญาควายตัวจริงเสียงจริงคนหนึ่งเหมือนกัน คือ เกลียดวัดพระธรรมกาย เกลียดไชยบูลย์ แต่ไม่เคยศึกษาเลยว่า วิชาธรรมกายคืออะไร ผู้นับถือวิชาธรรมกายมีกี่กลุ่ม 

เห็นใครโพสต์เกี่ยวกับวิชาธรรมกายก็คิดว่า เป็นสาวกของวัดพระธรรมกายอย่างเดียว 

พวกนี้ นอกจากจะสมองหมา ปัญญาควายในชาตินี้แล้ว  ก็คงจะโง่ บ้า ใบ้ไปอีก หลายร้อยหลายพันชาติ

มีคนอ่านเข้าไปบอกว่า เจ้าของกระทู้และผมไม่ใช่พวกวัดพระธรรมกาย  คุณ Donax B นี่ ก็แก้ตัวออกมาดังนี้

ขอบคุณมากๆครับ    แหม...ไม่รู้ว่า  มีสายอื่นๆ อีก  จะบ้าบอกันไปถึงไหน  ยอมรับว่าตกข่าวครับ

เข้าใจแต่งนิทาน กันไปเรื่อยเปื่อย   ผมได้ยินคำสอนแล้วปวดหัว จริงๆ   ขอบคุณ  คุณ Gun_Panda  นะครับ

มีอะไรก็แจ้งได้เลยครับ  ไม่งั้นผมปล่อยไก่ ฝูงใหญ่แน่ๆ

น่าน... พยายามแก้ตัวว่าตกข่าว

จริงๆ ไม่ใช่หรอก มันโง่เป็นควายมากกว่า เพราะ เรื่องวิชาธรรมกายนั้น ถ้าสนใจอ่านสักนิด ก็จะรู้ว่า มีหลายกลุ่ม 

แล้วตัวผมเองนั้น ก็ด่าไชยบูลย์อย่างหนักหนาสาหัสมานานแล้ว  คุณ Donax B นี่ โง่เป็นควายจริงๆ ไม่ใช่ตกข่าว

นอกจาก Donax B ก็ยังมีควายอีกตัวหนึ่งคือ “อนัตตา Science” 

คุณ อนัตตา Science  ไปคัดลอกข้อมูลด่าและโจมตีไชยบูลย์เอามาลงกระทู้นี้ เป็นจำนวนมาก โดยไม่รู้เลยว่า เจ้าของกระทู้กับผมไม่ใช่สาวกไชยบูลย์

ต่อไปลองดูความคิดเห็นของพวกสาวกพระพม่าในกระทู้นี้บ้าง

มีคนใช้ชื่อว่า “นิ่งหนอ” มาให้ความคิดเห็นที่ 4 ดังนี้

กายในกายแบบนี้เป็นกายนิมิต จิตหลอน ไม่ใช่กายในกายแบบสติปัฏฐาน ..

คำว่ากายในสติปัฏฐาน จะมี 2 ส่วน คือ กายนอก จะเป็นกายหยาบหรือกายละเอียด ก็ต้องมีส่วนประกอบหลายอย่างประกอบรวมกันเป็นโครงสร้างร่างกาย

มีลักษณะเป็นรูปวัตถุ หรือรูปธรรม หรือรูปธาตุ เช่นตา หู จมูก ลิ้น มือเท้า อวัยวะต่าง ๆ ดิน น้ำ ลม ไฟ  ซึ่งรวมเรียกกันว่า ร่างกาย

และส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ...กายใน ซึ่งเป็นนามธรรม เป็นอาการแห่งกาย เป็นส่วนที่ทำให้ร่างกายขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวและรู้สึกสัมผัสได้  เป็นส่วนของวิถีจิต..

แม้ว่าจะเป็นเทวดามีกายละเอียด แต่ถ้าไม่มีกายในกาย หรืออาการแห่งกาย เทวดานั้นก็จะขยับเขื่อนเคลื่อนไหวร่างกาย ควบคุมร่างกายไม่ได้เช่นเดียวกัน ร่างกายก็จะเป็นแค่วัตถุธาตุชนิดหนึ่งที่หาประโยชน์อะไรไม่ได้ เท่านั้นเอง 

การได้รู้จักกายทั้งสองลักษณะ จึงจะได้ชื่อว่ารู้จักความเป็นจริงแห่งกายตาม สติปัฏฐาน ตามคลิป video ที่ท่านเจ้าของกระทู้นำมาแสดง

ถ้าเด็กเห็นกายละเอียดจริง รู้จักกายในกายจริงๆ เด็กจะต้องควบคุมกายละเอียด ออกไปทำการต่างๆ นอกกายหยาบได้ เช่นไปดูข้อสอบได้ แล้วก็ต้องสอบ ตอบได้โดยไม่ต้องอ่านหนังสือ....ก็จะได้ชื่อว่าเป็นเทวดาเดินดินแล้วละครับ.....

แล้ว ดร. มนัส โกมลฑา รู้จักกายในกายตามแบบ สติปัฏฐานที่ไม่ใช้การบิดเบือน ได้จริงแท้แน่แล้วหรือครับ...

ถ้าจะสอนเด็กให้เล่นกับนิมิต ก็เล่นได้ถ้าไม่หลง  แต่ถ้าสอนเด็กให้ สำคัญพุทธธรรมผิด สำคัญตนผิด นี้คือบาปหนักนักนะครับ.....

เจ้าของกระทู้ตอบคุณนิ่งหนอไปดังนี้

เรียน คุณนิ่งหนอ

ผมมีปัญหาที่จะถามก่อน ดังนี้ :

1.  กายภายนอกของคุณ คือ กายหยาบ ส่วนกายภายในของคุณคือ อาการแห่งกาย  คุณไปเอามาจากไหน และมีหลักฐานสนับสนุนอย่างไร เพราะอ่านแล้วไม่เป็นวิชาการ

กายในกายนั้น ในทางภาษา คำว่า "กาย" ทั้งสองคำจะต้องมีความหมายเหมือนกัน คือ ต้องเป็นกายเหมือนกัน ไม่ใช่อย่างที่คุณกล่าวมา

ดังนั้น ผมจึงอยากจะรู้ว่า คุณเอาความรู้นั้นมาจากไหน และมีหลักฐานสนับสนุนอย่างไร

2. ที่คุณกล่าวว่า :

ถ้าเด็กเห็นกายละเอียดจริง รู้จักกายในกายจริง ๆ เด็กจะต้องควบคุมกายละเอียด ออกไปทำการต่างๆ นอกกายหยาบได้ เช่น ไปดูข้อสอบได้ แล้วก็ต้องสอบ ตอบได้โดยไม่ต้องอ่านหนังสือ....ก็จะได้ชื่อว่าเป็นเทวดาเดินดินแล้วละครับ

คุณไปเอามาจากไหน   คุณเป็นวิทยากรสอนปฏิบัติธรรม แล้วเด็กที่คุณสอนทำอย่างนั้นได้ ใช่หรือไม่

เท่านั้นเอง คุณนิ่งหนอก็หายหน้าไปจากกระทู้เลย

ส่วนใหญ่คนที่เข้าไปให้ความคิดเห็นกันในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ก็จะมีระดับสติปัญญาอยู่แค่นั้น คือ ระดับความคิดก็ไม่มาก ระดับความรู้ก็ไม่มาก

ส่วนใหญ่เข้าไปถกเถียงกันเพื่อบำบัดความใคร่ในกิเลสของตัวเอง 

พอมีคนที่มีความรู้จริงๆ เข้าไปตั้งกระทู้ และเสวนากันอย่างเอาจริงเอาจัง  พวกนี้ ก็จะหนีหายไปอย่างนี้

คุณนิ่งหนอนี้ ได้รับเกียรติจากผมคือ ได้จัดมันเข้าเป็นควายตัวหนึ่งของห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์เป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว

สนใจว่า ผมให้มันเป็นควายด้วยสาเหตุใดบ้าง ก็ไปอ่านดูได้ http://buffaloinphanthip.blogspot.com/2014/03/blog-post.html