บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

กระทู้ควายๆ ของภูมิธรรม


มีคนใช้ชื่อว่า “ภูมิธรรม”  ต่อไปผมจะตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ “ภูมิธรรมควายๆ” เข้าไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนาของพันธุ์ทิพย์ว่า “กายานุปัสสนา พระไตรปิฎก vs ธรรมกาย

โดยยกพระไตรปิฎกก่อน ดังนี้

พระไตรปิฏก http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=10&A=6257&Z=6764

[๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่า

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น

ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอด กองลมหายใจทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอดกองลมหายใจทั้งปวงหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออกย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายช่างกลึงหรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ขยัน เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักยาว เมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า เราชักสั้น แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกันเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น

ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้าย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้

ภิกษุย่อม
พิจารณาเห็น กายในกายภายในบ้าง
พิจารณาเห็น กายในกายภายนอกบ้าง
พิจารณาเห็น กายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
พิจารณาเห็น ธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง
พิจารณาเห็น ธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง
พิจารณาเห็น ธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง

ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า

พิจารณาเห็น กายในกายอยู่ ฯ

ต่อมา “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ “ภูมิธรรมควายๆ” ได้ทำลิงก์ไปที่ ธรรมกาย http://www.gotoknow.org/posts/85675  แล้วสรุปสั้นๆ ดังนี้

คราวนี้ก็มาถึงอีกความรู้หนึ่ง ท่านให้พิจารณากายในกาย คำว่า กายในกายหมายถึง ท่านที่ เป็นธรรมกาย อย่างน้อยท่านก็รู้จักกาย ๑๘ กาย คนที่ไม่เป็นธรรมกายก็พิจารณาไม่ได้ เพราะท่านรู้จักแต่กายมนุษย์กายเดียวเท่านั้น จึงไปพิจารณากายในกายไม่ได้

และเมื่อไม่รู้จักกายในกายแล้ว ก็ไม่รู้เวทนาในเวทนา ไม่รู้จิตในจิต ไม่รู้ธรรมในธรรม เป็นอันว่าคนที่ไม่เป็นวิชา ๑๘ นั้นจึงหมดโอกาสเรียนวิชาสติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง

๑. จงพิจารณากาย ท่องใจหยุดในหยุดแล้วนิ่งใจจรดลงกลางดวงธรรม นึกดูดวงกาย แล้วเราก็ เห็นดวงกาย ดวงกายเป็นดวงใสรองรับใจ (ใจ คือ เห็น-จำ-คิด-รู้)

นึกดูศูนย์กลางกายของดวงกาย เราก็เห็นว่า ดวงกายนี้มีดวงแก่-ดวงเจ็บ-ดวงตาย มาหุ้มเป็นชั้น ๆ ดวงแก่สีน้ำตาล ดวงเจ็บเป็นดวงขุ่นต่อไปก็ดำ ดวงตายเป็นดวงดำประดุจนิล ดวงเหล่านี้มาหุ้มแล้ว ส่งผลให้กายมนุษย์ต้องแก่ ต้องเจ็บ และตาย ดวงเหล่านี้ทำหน้าที่เผาผลาญ

เมื่อเราส่งใจกายธรรมจรดลงไปกลางดวงกาย เราก็เห็นความแปรปรวนของกายว่า กายนี้ประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม ประกอบเป็นร่างกายของเราขึ้นมา

เห็นความเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นคนมีอายุ แล้วก็ตายไปเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ท่านจึงกล่าวว่าไม่ให้เรายึดมั่นกาย เพราะเราบังคับไม่ได้ มีแต่แก่-เจ็บ-ตาย กายธรรมต่อรู้ต่อญาณให้เราจึงเห็นไปตามที่กายธรรมท่านทำให้

แล้ว “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ก็มาสรุปกระทู้โดยตั้งเป็นปัญหาว่า

ทำไมกายานุปัสสนาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนถึงต่างกับที่ธรรมกายสอนมากมายนัก โปรดพิจารณา

ที่รับไม่ได้สุดๆ คือ ธรรมกาย บอกว่า ถ้าไม่เป็นธรรมกาย 18 กาย จะพิจารณากายในกายไม่ได้

มีคนเข้าไปให้ความคิดเห็นมาก แต่ก็เป็นความคิดเห็นแบบสมองหมา ปัญญาควายของพวกห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์นั่นแหละ หาสาระความจริงไม่ได้ 

ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เข้ามาให้ความเห็นเถียงคนอื่น อีก 2 ความคิดเห็น ดังนี้[ในช่วงที่ผมเขียนบล็อกนี้อยู่]  

ความคิดเห็นที่ 8
คห 4-1 ที่กล่าวมามันเป็นสมถะทั้งนั้น แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ด้วย

18 กาย หลวงพ่อสดคิดค้นขึ้นมา ดันไปบอกว่าถ้าไม่รู้วิชานี้หมดสิทธิ์เรียนสติปัฎฐาน แล้วสมัยพุทธเขาเป็นพระอรหันต์กันได้ไง


ความคิดเห็นที่ 9
พระสูตรที่คห 1 ยกมานั้นไม่เห็นจะเกี่ยวกับกายานุปัสสนาตรงไหน พระอนุรุทถามเรื่องสมาธินี่ครับ ผมขอดูกายานุปัสสนาหมวดแสงสว่างในพระไตรปิฎกหน่อยครับ มี 18 กายไหม มีดวงๆอะไรที่กล่าวมาไหม

ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ต่อไป ผมขอสรุปความผิดพลาดของ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ก่อน ดังนี้

ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เขียนว่า

ทำไมกายานุปัสสนาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนถึงต่างกับที่ธรรมกายสอนมากมายนัก โปรดพิจารณา

แต่ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ไม่ชี้แจงเลยว่า กายานุปัสสนาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนกับที่คุณลุงการุณย์สอนแตกต่างกันอย่างไร

การมาตั้งกระทู้แบบนี้ มันต้องมีหลักฐานประกอบคำอธิบายเลยว่า การสอนของทั้ง 2 แบบนั้น แตกต่างกันอย่างไร 

ของพระพุทธเจ้าเป็นแบบนี้ ของคุณลุงการุณย์เป็นแบบนี้  ของคุณลุงการุณย์ผิดแบบนี้

กระทู้นี้ มันก็เป็นกระทู้ควายๆ ของควายที่ต้องการโจมตีสายวิชาธรรมกาย แต่ควายที่เขียนอยู่ก็ไม่รู้จริง เหมือนกัน

ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เขียนว่า

ที่รับไม่ได้สุดๆ คือ ธรรมกาย บอกว่า ถ้าไม่เป็นธรรมกาย 18 กาย จะพิจารณากายในกายไม่ได้

ตรงนี้ก็เหมือนกัน  ภูมิธรรมควายๆ” ก็ไม่อธิบายว่า รับไม่ได้อย่างไร 

ในทางวิชาการมันต้องมีคำอธิบายที่เป็นหลักฐาน ว่ารับไม่ได้อย่างไร  “ควายๆ ภูมิธรรม”  เขียนออกมาอย่างนั้น  สามล้อเมายาบ้า มันก็เขียนได้

ผมยืนยันว่า การสอนของคุณลุงการุณย์ ถูกต้องตามพระไตรปิฎกทุกประการ อย่างที่ไม่มีนักวิชาการ นักปริยัติธรรม หรือนักปฏิบัติธรรมสายใด อธิบายได้ดีกว่านี้อีกแล้ว

ถ้าใจร้อน ก็หาอ่านเอาในบทความแถวๆ นี้  แต่ถ้าใจเย็นตามอ่านในบล็อกนี้นี่แหละ...



2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 มีนาคม 2557 เวลา 11:08

    คุณมนัสครับ ผมว่าคุณเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด

    หลงตนเองโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองหลงทางอยู่

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ผมหลงตัวเองอย่างไรล่ะคุณ ผมยังไม่ได้ว่า "ผมเก่ง", "ผมหล่อ" อะไรเลย

      ผมวิพากษ์วิจารณ์งานเขียนตามหลักวิชาการเท่านั้น

      คุณเอาเวลาที่เหลืออยู่ ก่อนลงนรก ไปสงสารตัวเอง ไม่ได้กว่าหรือ

      ลบ