บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ธาตุธรรมปัญญาอ่อนอีกครั้ง


วันนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ “ภูมิธรรมควายๆ” ที่เสนอไว้ในความคิดเห็นที่ 8 ดังนี้

คห 4-1 ที่กล่าวมามันเป็นสมถะทั้งนั้น แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ด้วย

18 กาย หลวงพ่อสดคิดค้นขึ้นมา ดันไปบอกว่า ถ้าไม่รู้วิชานี้หมดสิทธิ์เรียนสติปัฎฐาน แล้วสมัยพุทธเขาเป็นพระอรหันต์กันได้ไง

ข้อความในส่วนนี้ ก็ไปพัวพันกับอีกแล้ว  ก็เพราะ “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” มันกิเลสหนา เสือกไปตอบแทนคนอื่น

เรื่องของเรื่องก็คือ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เขาถามไปถึงคุณปราชญ์ขยะ หรือคุณสมถะ 

นี่คุณปราชญ์ขยะ หรือคุณสมถะ ผู้ถูกพาดพิงยังไม่ได้เข้ามาตอบเลย  “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน”  เล่นไปเสียเละแล้ว

ดูความเสือก ความหน้าหนา ความปัญญาอ่อนของธาตุธรรมคนนี้ดู  พอลงความคิดเห็นที่ 1 ไปแล้ว ก็ลงความคิดเห็นที่ 1-1 ทันที ดังนี้

ข้อความข้างบนของวิชชาธรรมกาย ไม่ได้มาจากวัดปากน้ำนะครับ

ส่วนคำว่า   นึกดูศูนย์กลางกายของดวงกาย เราก็เห็นว่า ดวงกายนี้มีดวงแก่-ดวงเจ็บ-ดวงตาย มาหุ้มเป็นชั้น ๆ ดวงแก่สีน้ำตาล ดวงเจ็บเป็นดวงขุ่นต่อไปก็ดำ ดวงตายเป็นดวงดำประดุจนิล

ดวงเหล่านี้มาหุ้มแล้ว ส่งผลให้กายมนุษย์ต้องแก่ ต้องเจ็บ และตาย ดวงเหล่านี้ทำหน้าที่เผาผลาญ

ตรงนี้ต้องอาศัย ตาธรรมกายมอง แปลว่า ต้องเห็นกายธรรมก่อนครับ จึงจะมีญาณทัศนะเห็นดวงชัดเจนแบบนั้น

จึงไม่ใช่ใครๆ ที่ฝึกครั้งแรกจะเห็นแบบนั้น  วางหาอ่านในวัดเว็บหลวงพ่อสด ราชบุรีนะครับ มีสอนสติปัฏฐาน ถึงธรรมกาย

อ้าว...ไอ้ธาตุธรรมไอ้สันขวาน ที่เขียนว่า “ข้อความข้างบนของวิชชาธรรมกาย ไม่ได้มาจากวัดปากน้ำนะครับ”  ก็แสดงว่า เรื่องนี้ มึงไม่ควรมาเกี่ยวข้องกับเขาเลย เขาไม่ได้ถามมึงเสียหน่อย

มึงก็รู้ แล้วมึงไปตอบเขาทำไม  เขาถามไปทางลูกศิษย์ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช

กูนี่ ถึงจะเกี่ยวข้อง..............  แล้วยังมีการโฆษณาไปที่เว็บวัดหลวงพ่อสดฯ เสียด้วย  

มึงจะมาตอบเขา  ก็ควรมีความรู้ที่พอเพียง มีความรู้ไม่พอ แล้วไปเสือกตอบเขาทำไม

มีคนชื่อเมฆหลากสี มาเขียนต่อ “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน”  ดังนี้

ในวัดธรรมกาย ชอบพูดกันว่าหลวงปู่มั่นได้แค่ดวงปฐมมรรค แปลว่า ไม่เป็นแม้พระอริยสงฆ์ใด ลูกศิษย์อื่นไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่ได้ธรรมกาย

ได้ยินด้วยหูตนเองครับ จากในวัด

ส่วนธัมชโยถือตนเป็นโพธิสัตว์ ไม่เป็นพระอริยะใด อย่างนั้นมีใครเป็นพระอริยะบ้าง? ในสายตาของวัดนี้ ชาววัดนี้ตอบหน่อย

ตรงนี้ คุณเมฆหลากสี ถามไปที่ชาววัดพระธรรมกาย  “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” ก็เสือกตอบอีกแล้ว ดังนี้

ชาวคลองสาม หลงทางเลอะเทอะหลายคน ต้องแยกแยะให้ดีๆ ครับ

คราวหน้าคุณย้อนถามว่า  จะเรียนวิชชาธรรมกาย  ต้องไปเรียนที่อาคารหลังไหน พระอาจารย์รูปไหน สอนวิชชาธรรมกาย แบบหลวงพ่อสดได้บ้าง

จะได้คำตอบว่า ต้องเรียนกับครูไม่ใหญ่คนเดียว เปิดมาสี่สิบปีแล้ว ไม่มีอาคารที่พักปฏิบัติธรรมของฆราวาส

มีแต่ไปเข้าคิวจอง เรียนวิชชาธรรมกาย ในรีสอร์ต พระพี่เลี้ยง   ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ มีแต่บ่นว่า ญาติโยมทำแต่แบงค์ยี่สิบ

ปาราชิกแล้วก็นิพพานไม่ได้หรอกครับ วัดนี้เขาสอนกันแค่โสดา กับเป็นปุถุชน สวรรค์ดุสิตบุรี

เพราะการจะเกิดใหม่ต้องยึดติดในภพ เกิดตามติดกันไปทุกภพ จึงพบว่าที่นี่ เขาไม่นิยม ละราคะและ ละปฏิฆะ

จึงเห็นว่า เต็มไปด้วย รูปงาม เสียงเพลงไพเราะ รวยเร็ว รวยรวด รวยสะบั้นหั่นแหลก เพื่อจะได้เงินเข้ามากๆ  เศรษฐีที่ไหนอยากจะละวาง  ไม่มีหรอก 

ยังรักความสะดวกสบาย กิน กาม เกียรติ 

ความคิดเห็นนี้ “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน”  ไม่ได้ตอบแทน แต่หาทางโจมตีวัดพระธรรมกายเสียเลย

ต่อมา ควายอีกตัวหนึ่งของห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ก็คือ ควาย swinging  เขาจะทำกันอย่างไร ก็ไปจินตนาการเอาเอง 

ควาย swinging  เข้ามาถาม ดังนี้

ถ้าเป็นจริงดังที่วัดธรรมกายกล่าวอ้าง   งั้นก็แสดงว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานไปแลในเมืองไทยไม่เคยมีพระอริยะเจ้าเกิดขึ้นเลยแม้แต่คนเดียว   จวบจนกระทั่งหลังจากที่หลวงพ่อสดได้ค้นพบ วิชาธรรมกายแล้ว

เมืองไทยจึงจะมีพระอริยะเจ้าได้ใช่มั้ย?  เพราะคนจะบรรลุธรรมเป็นพระอริยะเจ้าได้ ต้องรู้และผ่านกาย ๑๘ กาย ตามหลักวิชาธรรมกายเท่านั้น จึงจะเจริญสติปัฏฐาน ๔ ได้ครบสมบูรณ์  นี่ตามคําสอนของวัดธรรมกายใช่มั้ยครับ?

พอควาย swinging  เข้ามาถามดังนั้น “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” ก็ตอบอีก โดยที่ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ไม่ได้ทำอะไรเลย คงมองตาปริบๆ ว่า ไอ้พวกนี้ ขโมยกระทู้ของกูไปแล้ว

ชาวคลองสามเขาไม่ทำ สติปัฏฐานสี่นะครับ เขาเอาแค่ ทำทาน รักษาศีล และ  มีความสุขในสมาธิ การพาดพิงหลวงปู่มั่น ก็คงมาจากคนไม่รู้จริง สอนคนไม่รู้จริง

เขาต้องมีสิ่งที่ยึดติดในภพไว้ เพื่อให้ตนกลับมาเกิดอีกหลายชาติ ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่คนหลากหลายในคลองสาม จึงหาคนที่เข้าใจวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดได้ยากจริงๆ

ลองถามดูว่า มีใครสอนวิชชาธรรมกายได้บ้าง ในคลองสาม พื้นที่สามพันไร่ ยังหา อาคารที่พักปฏิบัติวิชชาธรรมกาย สำหรับฆราวาสไม่ได้เลย

ลองคิดสิ ทำไม

ควาย swinging  เห็นว่า “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” มันคงยึดกระทู้นี้ไปแล้ว ถามคนอื่น ไอ้นี่ก็มาตอบ มันไม่งานทำหรือไงก็ไม่รู้ 

จึงถามไปที่ “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” เสียเลย ดังนี้

เอาอย่างนี้แล้วกัน  ผมถามคุณธาตุธรรมก็ได้ว่า ตามความเห็นของคุณ  คุณคิดว่าในเมืองไทยนี้  ก่อนที่หลวงพ่อสดจะค้นพบวิชาธรรมกาย มีพระอริยะเจ้าเกิดขึ้นในเมืองไทยบ้างมั้ยครับ?

ไม่ดราม่านะ  ขอแค่ความเห็นแค่นั้น ตอบเพียงว่ามี หรือไม่มี สั้นๆแค่นี้ก็ได้นะครับ

พอ ควาย swinging  ถามเข้ามาจริงๆ “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน และเป็นความคิดเห็นที่ 4-1  ที่ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เขียนแย้งไปข้างต้น

ก็บอกแล้วว่า เวลาฟังคนคลองสามพูด ต้องแยกแยะดีๆ

ผมก็ฝึกพุทโธตั้งแต่เด็กๆ ภาวนาไปจนเห็นกายธรรมในโบสถ์วัดราชโอรส เห็นเองว่า กายตนเองใหญ่เท่าโบสถ์ โดยไม่รู้จักวิชชาธรรมกายมาก่อน โดยพระอาจารย์สอนให้ภาวนาพุทโธ

เคยไปเรียนกับหลวงพ่อวิริยังค์ ตำราวัดป่ามีเต็มบ้าน

เมื่อ “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” ตอบมาแล้ว  ควาย swinging ก็เข้ามาถามสั้นๆ อีกว่า

โปรดตอบให้ตรงคําถามนะครับ     ผมแค่อยากรู้ความเห็นและความเข้าใจของคุณแค่นั้นเองไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ครับ  ตอบสั้นๆแค่ว่า  มี หรือไม่มี  แค่นั้นก็พอครับ

ปรากฏว่า “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” ไม่กล้าตอบคำถามของ ควาย swinging อีกเลย 

เมื่อ “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” เขียนความคิดเห็นที่ 4-1 แล้ว “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ก็เข้ามาถามอีกดังนี้ (ยกมาให้อ่านอีกทีหนึ่ง)

คห 4-1 ที่กล่าวมามันเป็นสมถะทั้งนั้น แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ด้วย

18 กาย หลวงพ่อสดคิดค้นขึ้นมา ดันไปบอกว่า ถ้าไม่รู้วิชานี้หมดสิทธิ์เรียนสติปัฎฐาน แล้วสมัยพุทธเขาเป็นพระอรหันต์กันได้ไง

ตรงนี้ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ถามตรงเป้าเลย ตรงเผง   “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน
ก็ตอบไปดังนี้

ก็บอกแล้วว่า คนพูดจะพูดอะไรก็ได้ ไม่ใช่คำสอนหลวงพ่อสดไง พระป่าท่านคงไม่เดิน สิบแปดกายหรอกฮะ

โดยสรุป “ธาตุธรรมปัญญาอ่อน” มันสมองหมา ปัญญาควายจริงๆ  ไม่รู้จริง แต่เสือกอยากไปตอบแทนเขา 

พอตอบไม่ได้ ก็หนีกระทู้ไปดื้อๆ  หน้าด้านจริงๆ

สำหรับผมนั้น ผมจะตอบคำถามของ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เฉพาะตรงนี้ดังนี้

1) วิชา 18 กาย ไม่ใช่เป็นวิชาที่หลวงพ่อวัดปากน้ำคิดขึ้นใหม่ วิชา 18 กายเป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนในสมัยที่พระองค์เผยแพร่ศาสนาอยู่  แต่ หลัง พ.ศ. 500  ไม่มีใครปฏิบัติได้  หลวงพ่อวัดปากน้ำมาค้นพบอีกครั้งหนึ่ง

2) หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่เคยบอกว่า ไม่รู้จักวิชา 18 กายแล้วจะเรียน “สติปัฏฐานไม่ได้” เป็นข้อเขียนของคุณลุงการุณย์ที่ยกไปกันแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนว่า ถ้าไม่ถึง “กายธรรมพระอรหัต” ก็ไปนิพพานไม่ได้  ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเรียนอะไรมาก็ตาม ก่อนจะเข้าอายตนะนิพพานต้องเป็นธรรมกายก่อน

ใครก็ตามที่บารมี 30 ทัศครบแล้ว ท่านต้องเห็น และเป็นธรรมกายก่อน จึงจะเข้านิพพานได้ แต่การเห็น และเป็นธรรมกายนั้น อาจจะใช้เวลาแค่ 1 วินาทีก็อาจจะเป็นได้

3) สำหรับข้อเขียนของคุณลุงที่ว่า ไม่รู้จักวิชา 18 กายแล้วจะเรียน “สติปัฏฐานไม่ได้” นั้น ต้องตีความกันให้ลึกคือ  ถ้าไม่รู้จักวิชา 18 กายแล้วจะเรียนสติปัฏฐาน 4 แบบถูกต้องไม่ได้

เพราะ การเรียนสติปัฏฐาน 4 ต้อง “เห็น” กายในกาย เวทนาในเวทนา จินในจิต ธรรมในธรรม


เมื่อ “ไม่เห็น” และรู้จักกายเดียว  จะเรียนได้อย่างไร 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น