บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ควายภูมิธรรมมึนแบบควาย


ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ “ภูมิธรรมควายๆ” ได้เข้ามาให้ความคิดเห็นแบบถามอีกทีหนึ่งในกระทู้ที่ 17 ดังนี้

สรุปได้จากกระทู้ที่คุยกันมา คือ คำอธิบายกายานุปัสสนาของธรรมกาย ไม่ตรงกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

แต่พอเข้ากันได้กับตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระอนุรุท เรื่องสมาธิฌาน 1-4 มี วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัตคตา แล้วสรุปว่าสมถะทำให้เข้าถึงวิมุตติได้ ถูกไหมครับ

ก่อนหน้านั้น ในความคิดเห็นที่ 16 คุณสมาชิกหมายเลข 769319 เอาบล็อกของผมไปโฆษณา ดังนี้

ดร. มนัส ท่านเขียนคำตอบไว้ที่นี่แล้ว  เชิญไปอ่านดูได้ครับ :

ผมไม่รู้ว่า “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ “ภูมิธรรมควายๆ” ได้เข้ามาอ่านบล็อกของผมหรือไม่  แต่สันนิษฐานว่า “ไม่ได้เข้ามาอ่านก็แล้วกัน”

การที่“ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” สรุปไปอย่างนั้น  มันเป็นการสรุปแบบควายจริงๆ .....

กระทู้นี้ของ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เป็นกระทู้ที่ไม่ได้ให้ความรู้อะไรแก่คนอ่านเลย  เป็นกระทู้ของพวก “อยากโอ้อวดเพื่อกิเลสของตน” เท่านั้น 

เอาคำถามของ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ขึ้นมาใหม่ก็ได้ 

ทำไม กายานุปัสสนาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนถึงต่างกับที่ธรรมกายสอนมากมายนัก โปรดพิจารณา

ที่รับไม่ได้สุดๆ คือ ธรรมกาย บอกว่า ถ้าไม่เป็นธรรมกาย 18 กาย จะพิจารณากายในกายไม่ได้

ขอย้ำตรงนี้ว่า  สิ่งที่ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ต้องกระทำก่อนหรือหลังคำถามที่ยกมาก็คือ

1) ข้อความในส่วนของพระไตรปิฎกก่อนตรงนี้

ภิกษุย่อม
พิจารณาเห็น กายในกายภายในบ้าง
พิจารณาเห็น กายในกายภายนอกบ้าง
พิจารณาเห็น กายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
พิจารณาเห็น ธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง
พิจารณาเห็น ธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง
พิจารณาเห็น ธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง

ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า

พิจารณาเห็น กายในกายอยู่ ฯ

ในความคิดเห็นของ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” นั้นเป็นอย่างไร  

แต่ถึงกระทั่ง เมื่อมาสรุปความคิดเห็น “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ก็ยังไม่เคยบอกเลยว่า  ข้อความในพระไตรปิฎกนั้น เป็นอย่างไร

2) ข้อความนี้ ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช

คราวนี้ก็มาถึงอีกความรู้หนึ่ง ท่านให้พิจารณากายในกาย คำว่า กายในกายหมายถึง ท่านที่ เป็นธรรมกาย อย่างน้อยท่านก็รู้จักกาย ๑๘ กาย

คนที่ไม่เป็นธรรมกายก็พิจารณาไม่ได้ เพราะท่านรู้จักแต่กายมนุษย์กายเดียวเท่านั้น จึงไปพิจารณากายในกายไม่ได้

และเมื่อไม่รู้จักกายในกายแล้ว ก็ไม่รู้เวทนาในเวทนา ไม่รู้จิตในจิต ไม่รู้ธรรมในธรรม เป็นอันว่าคนที่ไม่เป็นวิชา ๑๘ นั้นจึงหมดโอกาสเรียนวิชาสติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง

๑. จงพิจารณากาย ท่องใจหยุดในหยุดแล้วนิ่งใจจรดลงกลางดวงธรรม นึกดูดวงกาย แล้วเราก็ เห็นดวงกาย ดวงกายเป็นดวงใสรองรับใจ (ใจ คือ เห็น-จำ-คิด-รู้)

นึกดูศูนย์กลางกายของดวงกาย เราก็เห็นว่า ดวงกายนี้มีดวงแก่-ดวงเจ็บ-ดวงตาย มาหุ้มเป็นชั้น ๆ ดวงแก่สีน้ำตาล ดวงเจ็บเป็นดวงขุ่นต่อไปก็ดำ ดวงตายเป็นดวงดำประดุจนิล ดวงเหล่านี้มาหุ้มแล้ว ส่งผลให้กายมนุษย์ต้องแก่ ต้องเจ็บ และตาย ดวงเหล่านี้ทำหน้าที่เผาผลาญ

เมื่อเราส่งใจกายธรรมจรดลงไปกลางดวงกาย เราก็เห็นความแปรปรวนของกายว่า กายนี้ประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม ประกอบเป็นร่างกายของเราขึ้นมา

เห็นความเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นคนมีอายุ แล้วก็ตายไปเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ท่านจึงกล่าวว่าไม่ให้เรายึดมั่นกาย เพราะเราบังคับไม่ได้ มีแต่แก่-เจ็บ-ตาย กายธรรมต่อรู้ต่อญาณให้เราจึงเห็นไปตามที่กายธรรมท่านทำให้

ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ก็ไม่เคยบอกได้เลยว่า ไม่ตรงกับข้อความของพระไตรปิฎกอย่างไร

ข้อยกข้อความนี้ของคุณลุงการุณย์ ข้อความเดียวก็พอ

คราวนี้ก็มาถึงอีกความรู้หนึ่ง ท่านให้พิจารณากายในกาย คำว่า กายในกายหมายถึง ท่านที่ เป็นธรรมกาย อย่างน้อยท่านก็รู้จักกาย ๑๘ กาย

คนที่ไม่เป็นธรรมกายก็พิจารณาไม่ได้ เพราะท่านรู้จักแต่กายมนุษย์กายเดียวเท่านั้น จึงไปพิจารณากายในกายไม่ได้

ข้อความดังกล่าวนั้น ยังไม่ต้องพิจารณาถึงการปฏิบัติ พิจารณากันในแง่ของภาษา ก็เห็นว่า ถูกต้องตรงเผงแล้ว  เพราะ ถ้าไม่มีกายหลายกาย จะไปเห็นกายในกายได้อย่างไร

ข้อความนี้ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” ก็ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ออกมาตรงๆ

แล้ว ผมก็เคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่า  ความคิดเห็นของกระทู้ในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความคิดเห็นแบบสมองหมา ปัญญาควายทั้งสิ้น  หาสาระความจริงไม่ได้ 

ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เลยสรุปได้ว่า

สรุปได้จากกระทู้ที่คุยกันมา คือ คำอธิบายกายานุปัสสนาของธรรมกาย ไม่ตรงกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

แต่พอเข้ากันได้กับตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระอนุรุท เรื่องสมาธิฌาน 1-4 มี วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัตคตา แล้วสรุปว่าสมถะทำให้เข้าถึงวิมุตติได้ ถูกไหมครับ

ก็เป็นการสรุปแบบควายๆ ของควายปัญญาอ่อนที่ชื่อ “ควายๆ ภูมิธรรม”  หรือ ภูมิธรรมควายๆ” เท่านั้น 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น